Nintendo Switch OLED เล่น The Witcher 3 / The Outer Worlds / Ni no ku ni แล้วเป็นยังไงบ้าง ? HD
หลังจากช่วงปีใหม่ มีเกมมาลดราคาเยอะมากที่ไม่ใช่เกม Exclusive ของ Nintendo Switch และลุงแมวผู้ซึ่งไม่ค่อยเชียร์ให้เล่นเกมที่ไม่ Exclusive ของ Switch บนเครื่อง Switch เพราะว่าเคยเจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งในแง่ Framerate การโหลดฉาก การบังคับ คุณภาพกราฟิก ลุงแมวกลับใจลองซื้อเกม 3rd Party มาลองเล่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปตรงที่เครื่องที่เล่นไม่ใช่กล่องขาวเครื่องรุ่นแรกแต่เป็น OLED ที่มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า . สิ่งที่พบคือ สำหรับ The Witcher 3 แล้ว แน่นอนว่ากราฟิก เฟรมเรต การโหลด การบังคับสู้การเล่นเกมผ่านเครื่อง PS4/PS5 ไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นออกมาเลยคือความสามารถในการพกพา ทำให้เกม The Witcher 3 ซึ่งลุงแมวเล่นไปแค่ชั่วโมงกว่าบน PS4 ได้กลับมาเล่นอย่างต่อเนื่องห้าหกชั่วโมงบนสวิทช์ เล่นก่อนนอน เล่นยามว่าง เล่นได้ทันที ฟินมากมาย และทำให้รู้สึกว่าการเล่นเกมค่ายอื่นบน Switch นี่ก็ดีนะ . ในขณะที่ The Outer Worlds กราฟิกก็อาจจะไม่ได้สุดยอด แต่ก็โอเคเล่นได้ไม่มีปัญหาอะไร ตัวหนังสือก็ใหญ่เพียงพอ แต่ติดที่การบังคับนิดหน่อยที่รู้สึกว่าถ้าเป็นเกมแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่งหรือ FPS เล่นบน Switch แบบพกพาบังคับไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ต้องใช้จอยเสริมอย่าง Hori SplitPad Pro ช่วย แต่จอยเสริมก็เอามาเล่นบนที่นอนก็ไม่ถนัดเท่าใช้จอยคอน คือเล่นได้ แต่ว่าไม่ได้ให้ประสบการณ์การที่ดีเท่า The Witcher 3 (แน่นอนว่าทั้งสองเกมถ้าซื้อมาเพื่อเล่นบนจอใหญ่ไม่แนะนำเพราะว่ากราฟิกไม่ค่อยโอเคถ้าดูจากจอทีวี) . ส่วน Ni no Ku ni เล่นได้ดีไม่มีปัญหา ภาพสวยงาม เกมแนว RPG มุมมองบุคคลที่สาม Turn Base นี่เล่นสบายเลย ทำให้รู้สึกว่าใครคิดจะซื้อเครื่อง Switch แล้วจะเอามาเล่นเกม 3rd Party ด้วยแนะนำ OLED ดีกว่า (ถ้าเอามาเล่นพกพานะครับ) ประสบการณ์ที่ได้ดีกว่าการใช้เครื่องกล่องแดงไปเยอะเหมือนกันครับผม แต่ยังไม่แนะนำแนว FPS เท่าไหร่นะครับ แต่อันนี้ผมยังไม่ได้ลอง Doom Eternal หรือ Crysis ที่เค้าว่าดีกันนะ